เจสซี่ ลินการ์ด ลงสนาม ตำแหน่งไหนเหมาะที่สุด ?

เจ้าของเสื้อหมายเลข 14 ฝ่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วิ่งวุ่นไปทั่วที่ โมลินิวซ์ สเตเดี้ยม ในคืนวันจันทร์ 19 สิงหาคม เขาพยายามเชื่อมเกมแดนกลางและแดนหน้า ถ้าทำได้ก็อยากจะจ่ายบอลสวยๆ วางอย่างเหมาะเจาะลงหน้าเท้า อองโตนี่ มาร์กซิยาล แต่สุดท้ายดูเหมือนว่า เจสซี่ ลินการ์ด ลงสนาม ตำแหน่งเหมาะที่สุด จะยังเป็นคำถามอยู่ในตอนนี้

ลินการ์ด เคยได้รับการชื่นชมว่าเป็นดาวรุ่งชั้นยอด แม้ไม่เคยมีรางวี่รางวัล แต่ก็อยู่ในระดับที่คลาดสายตาไม่ได้ หากในตอนนี้คำถามก็คือ ความสามารถที่ดีที่สุดของเขาคืออะไร ก็เหมือนจะไม่มีใครจำได้ถนัดนัก

เจสซี่ ลินการ์ด ในวัย 26 ปีมีสถิติที่ไม่น่าจดจำนัก 14 เกมในระยะเวลา 8 เดือน (รวมช่วงปิดฤดูกาล ถ้าตัดมันออกไปก็อาจจะสัก 6 เดือนกว่า) เขายังไม่สามารถยิงหรือจ่ายประตูได้เลย ผลงานล่าสุดของเขาเกิดขึ้นเมื่อ 22 ธันวาคม 2018 ในเกมที่ถล่มเอาชนะ คาร์ดิฟฟ์ 5-1 และในอีก 4 วันต่อจากนั้น บ็อกซิ่ง เดย์ เขาจ่ายลูกประตูชัยฝัง ฮัดเดอร์สฟิลด์ 3-1

อันที่จริง เขาเรียกจุดโทษให้ทีมในเกมเปิดบ้านเจอ เบิร์นลี่ย์ 29 มกราคม 2019 แต่นั่นไม่นับเป็นการจ่าย หรือว่าถ้าจะนับผลงานแบบรวมทุกรายการ ก็มี เอฟเอ คัพ รอบ 4 กับ อาร์เซน่อล เขายิงประตูได้ นั่นน่าจะเป็นช่วงเวลาล่าสุดที่เขามีผลงานแบบจับต้องได้ ไม่นับการแสดงตัวทางโซเชี่ยลต่างๆ

ในส่วนทีมชาติ เขาลงเล่นไปแล้วทั้งหมด 24 เกม ยิงได้ 4 ประตู แต่ก็ไม่ได้ยิงเพิ่มมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2018 ในเกมที่พบโครเอเชีย

ลินการ์ด หนึ่งในฮีโร่ ทีมชาติอังกฤษ

แน่นอนว่า ลินการ์ด อยู่ในชุดเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2018 และกลับบ้านในฐานะฮีโร่ แต่ผลงานของทีมชุดนี้ เขาคือหนึ่งในคนที่โดดเด่นหรือไม่? แฟนๆ น่าจะรู้ดี

มีแฟนบอลหวังดีกว่านั้น เปิดสถิติย้อนหลังไปอีกในเดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายน 2018 ปรากฏว่าว่างเปล่า เท่ากับว่าตลอดซีซั่นที่แล้ว จนมาถึงต้นซีซั่นนี้ ผลงานของเขาก็มีตามที่บอกไปเท่านั้น

เขาอยู่ตรงไหนในทีมชุดนี้ ปีกขวา? เพลย์เมกเกอร์? หมายเลข 10? กองกลางตัวรุก? ก็พอได้ในหลายโซนของสนาม แต่ก็ไม่เป๊ะ เหมือนยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แม้เขาลงสนามอย่างสม่ำเสมอมานาน 4 ฤดูกาลเฉลี่ยซีซั่นละ 25 นัด แต่เขาเล่นตำแหน่งไหนได้ดีที่สุด แล้วจุดขายของเขาคืออะไร? ความเร็ว? สปีดต้นชั้นยอดไม่มีใครแซงได้? เท้าซ้ายอันคมกริบ แม่นยำ? ลูกปั่นโค้งที่ได้ดั่งใจไปถึงกองหน้าทุกครั้ง?

ว่าไปแล้ว เขาก็เป็นตัวริมเส้นที่เลี้ยงบอลตัดเข้าในได้ไม่เลวเลย และยังพาบอลไปข้างหน้าได้ดี มีความมั่นใจ แต่จบสกอร์ทิ้งขว้าง จ่ายให้เพื่อนก็ไม่แม่น

อันที่จริงก็ต้องขอบคุณท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ผลักดันเด็กคนนี้ ขอบคุณ หลุยส์ ฟาน กัล ที่สอนทักษาะแบบดัตช์ และขอบคุณ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เห็นถึงความพยายาม ที่สำคัญคือต้องขอบคุณ ลินการ์ด ที่อดทนกับทุกสถานการณ์ ไม่ยอมย้าย รักทีม มีความภักดี ซึ่งความอดทน และการเชื่อฟังคำสั่งน่าจะเป็นข้อดีที่สุดในตัวเขา ยอมเป็นอะไรก็ได้ ขอแค่อยู่ที่นี่ เขาจึงกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้

ลงเล่นได้สารพัดประโยชน์

ถ้าต้องใช้คำว่าสารพัดประโยชน์ นั่นหมายความว่าอยู่ตรงไหนก็สร้างประโยชน์ให้กับทีมได้ เก่งรอบด้าน ได้รับความไว้วางใจอย่างสูง และในเมื่อมากความสามารถตัวเลขที่ออกมาก็ควรจะดูดีกว่าที่เป็นอยู่ เขาเล่นได้ตามแผนของโค้ช เป็นที่รักของกุนซือที่ผ่านเข้ามา แต่ในทางทักษะ การยิง การจ่ายที่เขาต้องเคี่ยวเข็ญตัวเอง เขาไม่ได้ทำ ไม่ได้ฝึกฝนหรอกหรือ? หรือเขายังไม่แน่ใจว่าตัวเองชอบอะไร?

ลินการ์ด ติดทีมชุดใหญ่ “ปิศาจแดง” แบบเต็มตัวเมื่ออายุ 22 มีคนตั้งข้อสังเกตว่า เขาไม่ใช่เด็กแล้ว กว่าจะขึ้นมาได้ก็อายุเท่านี้ จะเป็นของดีจริงหรือ? แต่ใครจะรู้ เขาอาจเป็นเหมือน เอียนไรท์ ที่เข้าสู่ช่วงพีคของอาชีพค้าแข้งในวัย 29 ปีก็ได้

นับปีแจ้งเกิดของเขาเมื่ออายุ 22 ก็น่าจับตา และยกระดับขึ้นนิดหน่อยในปีถัดมา ถ้าเขาก้าวหน้า เขาควรเป็นนักเตะที่สมบูรณ์ในวัย 26 ปี ด้วยองค์ประกอบต่างๆ อยู่ในทีมใหญ่ ได้เรียนรู้จากกุนซือมือระดับโลก เพื่อนๆ ระดับเวิลด์คลาส มีประสบการณ์จากการเล่นในถ้วยยุโรป เป็นกำลังหลัก

เป็นที่พูดถึงเหมือนอย่างตำนานแบบ เดวิด เบ็คแฮม หรือเซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน แต่ก็ไม่ใช่ เขายังดูสับสน เพราะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในด้านใด ไม่มีพัฒนาการจาก 4 ปีที่แล้วมากนัก

ย้อนกลับมาที่ โมลินิวซ์ สเตเดี้ยม นาทีที่ 80 ของเกม ลินการ์ด เดินออกจากสนาม และ ฆวน มาต้า ลงมาแทน เหตุผลคืออะไรไม่ทราบได้ อาจเพราะเขายังดูหลงทาง ไม่มีตัวตนชัดเจน และไม่รู้จะดึงประโยชน์ในตัวเองออกมาอย่างไร ยิงไกลเมื่อมีโอกาสหรือจ่ายตามช่อง เขาคืออะไร ตัวฟรี? มีอิสระ อยากทำอะไรก็ทำ

เขาจึงวิ่งไปเรื่อยๆ แปะบอลไปมา แบบไม่มีทิศทาง และหวังว่าจะไปถูกทาง โดยปล่อยให้เกมผ่านไป และกลับมานั่งข้างสนามพร้อมคำถามว่า เขาทำอะไรลงไป เขาทำอะไรได้บ้าง

0.0012 เปอร์เซ็นต์ คือจำนวนนักเตะจากอคาเดมี่ที่ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ แต่จะมีกี่คนที่กลายเป็นนักเตะโลกไม่ลืมตามอย่าง คลาส ออฟ 92 หรือนักเตะรุ่นก่อนๆ ซึ่งเปอร์เซ็นต์ก็เล็กน้อยลงไปอีก แต่พวกเขาเหล่านั้นอาจไม่รู้จักตัวเลขนี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นเส้นบางๆ ระหว่างตำนานกับ ลินการ์ด ก็เป็นไปได้ว่าจะอยู่ที่ทัศนคติเล็กๆ

โซลชา ยังพยายามรักษาการมีอยู่ของ ลินการ์ด ในฐานะที่เป็นเยาวชนจากอคาเดมี่ แต่หากในซีซั่นนี้ผลงานของเขาไม่ออกมาเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ อะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลงได้ เพราะอายุของเขาไม่มากเกินจะขายต่อ

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมและอดีตแข้งชุดตำนานเทรเบิ้ล 1999 พูดถึงเด็กคนนี้ว่า “เจสซี่ รู้ทุกอย่างว่าการเป็นผู้เล่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นอย่างไร บางครั้งเขาก็ตัดสินใจพลาด อาจจะ 1-2 ครั้ง แต่เขาตัดสินใจได้ดีมากครั้งกว่าที่แย่ เขายังเป็น Top Boy”

ผ่านไป 4 ปียังมีคนมั่นใจว่าเขาคือ Young Lad หรือดาวรุ่ง แต่เขาผ่านจุดนั้นมาไกลแล้ว และคำว่า Top Boy ของ โซลชา หมายความว่า เจสซี่ เป็นเด็กดี เด็กหัวแถว แต่อาจไม่ใช่ Top Player หรือผู้เล่นชั้นแนวหน้า จนกว่าเขาจะหาทิศทางที่ใช่ให้กับตัวเอง หวังว่าจะไปถูกทาง

แม้ตอนนี้จะยังไม่รู้ว่า เจสซี่ ลินการ์ด ลงสนาม ตำแหน่งไหนเหมาะที่สุด แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นหนึ่งในกำลังที่สำคัญของทีม ปีศาจแดง ติดตาม บทความฟุตบอล สถิติบอล ที่น่าสนใจได้ทาง : www.donbaleh.com