ถ้าพูดถึง เอฟเอคัพ อังกฤษแฟนบอลทั่วโลกคงรู้กันดีว่านี่คือรายการฟุตบอลถ้วยที่เก่าที่สุดในโลกเท่าที่มีการบันทึกประวัติศาสตร์ไว้เริ่มต้นในปีค.ศ.1871 เป็นรายการที่ทีมฟุตบอลอาชีพและสมัครเล่นสามารถส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันได้แบบไร้ขีดจำกัดเคยมีสถิติบันทึกในปี2011ว่ามีทีมส่งชื่อเข้าร่วมรายการมากถึง763ทีม

กว่าบรรดาทีมสมัครเล่นจะกระเสือกกระสนเข้ามาถึงรอบจริงได้ก็ถือว่าสาหัสหนักหนาผ่านรอบคัดเลือกเพื่อมาเจอทีมอาชีพระดับลีกวันและลีกทูในรอบแรกถ้าผ่านเข้ามาถึงรอบที่3พวกเขาก็อาจมีโชคได้ปะทะฝีเท้ากับทีมจากพรีเมียร์ลีกซึ่งในยุคโมเดิร์นเมื่อปรับลีกใหม่มาเกือบ3ทศวรรษก็ไม่เคยมีทีมสมัครเล่นทะลุเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ
เมื่อถ้วย เอฟเอคัพ ไม่มีมนต์ขลังเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อก่อนนี้ เอฟเอคัพ เป็นรายการที่ได้ชื่อว่ารายการล้มยักษ์เรามักจะเห็นแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ทีมเล็กจากลีกรองๆหรือทีมสมัครเล่นเค้นพลังสุดชีพเพื่อแสดงกึ๋นให้ทีมใหญ่เหนื่อยหอบหรือเขี่ยตกรอบกันไปเลยแต่เราก็ไม่เห็นมันเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะสปิริตคนรุ่นใหม่ไม่เหมือนเดิมหรือจะเป็นการทำทีมแนวใหม่กระทั่งทีมเล็กในลีกรองพวกเขาก็มีความตั้งใจที่จะรักษาเป้าหมายหนึ่งเดียว

ดีนสมิธผู้จัดการทีมแอสตันวิลล่าออกตัวแรงมาเลยว่าเป้าหมายของเขาอยู่ที่คาราบาวคัพเขาส่งผู้เล่นสำรอง9ตำแหน่งลงสนามในเอฟเอคัพรอบสามนัดบุกเยือนฟูแล่มและแพ้กลับออกมา2-1เป็นทีมคนละชุดเกือบทั้งหมดต่างจากเกมลีกที่อุตสาหะเอาชนะเบิร์นลี่ย์เมื่อวันปีใหม่อย่างสิ้นเชิงและเขาไม่อายที่จะบอกว่ารายการบอลถ้วยเก่าแก่ไม่ใช่เป้าหมายสำคัญที่เขาตั้งไว้การรักษาสมดุลต่างหากที่สำคัญ
เพราะนับจากช่วงคริสต์มาสเป็นต้นมาพวกเขาต้องลงเตะ5เกมในเวลาเพียง14วันเมื่อรอบรองชนะเลิศคาราบาวคัพเลกแรกกับเลสเตอร์8มกราคมนี้มาถึงและเป็นเรื่องน่าเห็นใจอย่างยิ่งด้วยสภาพทีมที่อาจจะไม่อยู่รอดในลีกสูงสุดสะดุดพลาดนิดเดียวกลับแชมเปี้ยนชิพได้เลย
ทำให้ทางเลือกของสมิธและสโมสรมีไม่มากอะไรใกล้มือก็คว้าไว้ก่อนแต่ก็ต้องรอดให้ได้พวกเขาจึงต้องจำใจตัดอะไรบางอย่างเพราะมีแค่สองมือไม่สามารถเหมาหมดสามอย่างจะเป็นอย่างไรถ้าวิลล่าฉลองแชมป์ เอฟเอคัพ และคาราบาวคัพพร้อมๆกันแต่ร่วงจากพรีเมียร์ลีกคงรู้สึกแปลกและฉลองกันไม่สุดพวกเขาคงอยากขอเข้าชิงคาราบาวคัพและอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกน่าจะดูดีกว่า

โปรแกรมหนาแน่นเช่นนี้เป็นปัญหามาตลอดสำหรับทีมในพรีเมียร์ลีกยิ่งเป็นทีมยักษ์ใหญ่ระดับท็อปที่ต้องไปเตะบอลยุโรปก็ยิ่งปวดหัวเมื่อก่อนนี้หลายๆทีมจะพยายามประคับประคองผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนามไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่การเสียนักเตะจากอาการอ่อนล้าบาดเจ็บไม่ส่งผลดีกับใคร
นักเตะเองก็อยากมีอาชีพที่ยืนยาวในที่สุดทางแก้ของบรรดาทีมใหญ่ก็คือการซื้อการเสริมทัพการจัดเตรียมผู้เล่นให้ขนาดขุมกำลังมากพอจะรับมือทุกรายการสำหรับทีมที่ไม่สามารถทำเช่นนั้นด้วยอำนาจเงินเป็นรองหรืออาจมีเป้าหมายแตกต่างกันไปพวกเขาจึงเลือกการส่งสำรองส่งเยาวชนลงสนาม
นั่นคือสิ่งที่ผู้ชมเห็นเต็มๆตาในลีกคัพรอบแรกๆถ้ามีโชคมากพอสามารถผ่านเข้ารอบลึกตั้งแต่รอบก่อนรองชนะเลิศเป็นต้นไปจะเห็นหน้าค่าตานักเตะชุดใหญ่มากขึ้นไม่รู้ใครคิดริเริ่มแต่เทรนด์นี้ขยายไปทั่วทั้ง20ทีมบนลีกสูงสุดแดนผู้ดีในรอบแรกๆของฟุตบอลถ้วยพวกเขาจะส่งทีมผสมลงสนามขึ้นอยู่กับว่าจับติ้วเจอทีมที่อ่อนชั้นมากขนาดไหน
ตอนนี้การส่งทีมผสมหรือทีมสำรองกำลังกลายเป็นโรคระบาดลงมาถึงสโมสรในเดอะแชมเปี้ยนชิพที่มีสภาพเดียวกันคือต้องเตะถี่ในช่วงคริสต์มาสถึงปีใหม่ต่อด้วย เอฟเอคัพ และทีมหัวตารางเริ่มมีความคิดที่จะพุ่งเป้าไปที่การทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้สำเร็จรักษาตำแหน่งเพื่อเลื่อนชั้นอย่างอัติโนมัติหรือว่าจะเข้ารอบบอลถ้วยลึกๆเพื่อรับเงินรางวัลถ้าโชคดีสุดๆก็ได้ไปชิงแต่มันไม่เกิดขึ้นมานานเหลือเกิน

ครั้งล่าสุดที่2ทีมในรอบชิงชนะเลิศไม่ใช่ทีมจากลีกสูงสุดคือปี2008ที่ปอร์ทสมัธของแฮร์รี่เร้ดแน็ปป์จบเป็นอันดับ8ในพรีเมียร์ลีกแบบสุดสดชื่นเข้าชิงกับคาร์ดิฟฟ์ซิตี้ที่อยู่ในลีกรองเกมสูสีทีมจากลีกสูงสุดเฉือนชนะไปเพียง1-0แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีทีมไหนสร้างประวัติศาสตร์แบบคาร์ดิฟฟ์อีก
ย้อนหลังไปไกลกว่านั้นไกลมากทีเดียวเพื่อค้นหาว่าทีมไหนที่ได้แชมป์โดยไม่ได้อยู่ในลีกสูงสุดถึงจะพบว่าเวสต์แฮมในปี1980เข้าชิงกับอาร์เซน่อลด้วยศักดิ์ศรีลอนดอนเนอร์พวกเขาไม่หวั่นเกรง“ปืนใหญ่”ที่เป็นทีมจากดิวิชั่น1และเฉือนชนะไป1-0แบบสุดช็อกเรื่องเล่าพวกนี้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์นานมากแล้ว

ด้วยแนวคิดคนละอย่างระหว่างทีมใหญ่และทีมเล็กทีมเล็กไม่มีเงินมากพอมาซื้อนักเตะเพื่อทำ11ตัวจริงถึง2ชุดดังนั้นพวกเขาอาจเตรียมตัวตกรอบบอลถ้วยและวางแผนสำหรับการเลื่อนชั้นจึงเป็นไปได้ที่แฟนๆอาจเห็นลีดส์ยูไนเต็ดส่งทีมหน้าตาไม่คุ้นเคยลงสนามกับอาร์เซน่อลในวันที่6มกราคมนี้
อย่างไรก็ดีสำหรับทีมระดับลีกทูอย่างปอร์ตเวลพวกเขายังเห็นความสำคัญส่งชุดผู้เล่นที่ดีที่สุดลงมาเจอแมนเชสเตอร์ซิตี้และแฟนๆกว่า8,000ชีวิตก็เดินทางไกลมาชมเกมในเอติฮัดสเตเดี้ยมซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกโดนเอาเปรียบเท่าไรแม้นักเตะของเป๊ปกวาร์ดิโอล่าเป็นชุดผสมมีสำรองมาหน้าหลายตาแต่ก็ยังได้เห็นเซร์คิโอกุนอเกวโร่ยืนค้ำหอกและยิงประตูในเกมนี้ได้แถมยังชนะอย่างสมศักดิ์ศรีถล่มทีมรองบ่อนไปถึง4-1
สถิติจากสกายสื่อดังแดนผู้ดีระบุว่ามีทีมถึง23ทีมในเอฟเอรอบ3ที่เปลี่ยนชุดนักเตะจากเกมลีกนัดก่อนหน้าด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไปตามที่เราคาดเดาส่วนหนทางแก้ไขเอาแบบคิดเร็วก็อาจเป็นการเพิ่มเงินรางวัลให้มากขึ้นเพื่อดึงดูดทีมสมัครเล่นและล่อใจทีมอาชีพให้พยายามอยู่รอดในถ้วยนี้และอยู่รอดในทางการเงินเพื่อให้เอฟเอคัพกลับมามีมนตร์ขลังอีกครั้ง
มนต์ขลังของถ้วย เอฟเอคัพ จะเป็นเหมือนกับในอดีตหรือไม่ก็คงต้องติดตามกันต่อไป แต่หากต้องการติดตามความเคลื่อนไหวในวงการฟุตบอลจากทุกลีกดังสามารถติดตามข่าวฟุตบอลแบบสดใหม่อัพเดทล่าสุดได้ทาง: www.donbaleh.com